|
 |
 |
earning French Language การเรียนภาษาฝรั่งเศส |
|
|
 |
เรามักจะพบว่านักเรียนแต่ละคนที่ไปเรียนภาษาฝรั่งเศสมักจะมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น ต้องการเรียนภาษาเพื่อการเตรียมตัวเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของฝรั่งเศส ซึ่งจำเป็นต้องมีความรู้ภาษาในระดับดีมาก ๆ หรือต้องการพัฒนาความสามารถด้านภาษา เช่น อาจารย์ นักวิจัย และนักธุรกิจ เป็นต้น หรือเยาวชนที่ต้องการไปทัศนศึกษา พร้อมกับการ
เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมฝรั่งเศส ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ประสบการณ์ในยุโรป ทั้งในด้านศึกษาวัฒนธรรม และท่องเที่ยวหาความบันเทิงในสิ่งแวดล้อมแบบฝรั่งเศสไปด้วย |
 |
สถาบันสอนภาษาฝรั่งเศส |
 |
แนะนำศูนย์ภาษา |
การไปเรียนภาษาในฝรั่งเศสไม่ยุ่งยากซับซ้อนแต่อย่างใด มีสถาบันสอนภาษาที่ใช้ชื่อว่า ศูนย์ภาษา (Centres de langues) สอนภาษาฝรั่งเศสทุกระดับจำนวนกว่า 130 แห่งทั่วประเทศ และรับนักเรียนตลอดทั้งปี
ศูนย์ภาษาส่วนมากนิยมจัดหลักสูตรภาคฤดูร้อน คือในระหว่างเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน ซึ่งเป็นช่วงปิดภาคเรียนของประเทศในยุโรป |
ศูนย์ภาษามี 2 ประเภท คือ |
- ศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย |
- ศูนย์ภาษาเอกชน |
ศูนย์ภาษาทั้ง 2 ประเภท มีมาตรฐานการศึกษาเท่าเทียมกันทั้งในด้านเนื้อหาวิชาและวิธีการเรียนการสอน โดยจะมีข้อแตกต่างแต่เพียงสภาพแวดล้อมของแต่ละแห่งเท่านั้น |
 |
สภาพแวดล้อม |
 |
ศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัยจะจัดให้นักเรียนภาษาได้อยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับการศึกษาของนักศึกษามหาวิทยาลัยฝรั่งเศส ส่วนศูนย์ภาษาเอกชนจะให้ความช่วยเหลือ และจัดการอำนวยความสะดวกในทุกเรื่องทั้งในด้านความเป็นอยู่และการเรียนการสอน โดยจะจัดให้มีบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองมากกว่า |
หลักสูตรการเรียนการสอนมีให้เลือกทุกระดับทั้งสำหรับเยาวชน นักศึกษา ครู อาจารย์ ผู้ที่ทำงานแล้ว และผู้สูงวัย อายุตั้งแต่ 18 ปี จนถึงอายุ 70 ปี หรือมากกว่า เปิดหลักสูตรตลอดทั้งปี และหลักสูตรภาคฤดูร้อน (ก.ค.-ก.ย.) ใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 1 หรือ 2 สัปดาห์ หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบัน |
 |
หลักสูตร |
 |
การเรียนการสอน สามารถเลือกเรียนในหลักสูตรเร่งรัด (Cours intensifs) ซึ่งเรียนอย่างจริงจังทุกวัน วันละ 4 - 5 ชั่วโมง หรือเป็นหลักสูตรปกติ (Cours extensifs) ซึ่งเรียนครั้งละไม่กี่ชั่วโมง แต่ใช้เวลานานกว่า อาจเรียนเป็นกลุ่มหรือแบบตัวต่อตัว ตั้งแต่ระดับต้นจนถึงระดับสูง ศูนย์ภาษาหลายแห่งเปิดหลักสูตรภาษาฝรั่งเศสเพื่อการใช้งานทั่วไปหรือสำหรับประกอบอาชีพ โดยจะได้รับหนังสือรับรอง หรือประกาศนียบัตรตามระดับที่นักเรียนสำเร็จ
นอกจากนั้นนักเรียนสามารถที่จะสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรและหนังสือรับรองจากศูนย์ภาษา และสามารถเตรียมสอบประกาศนียบัตรของกระทรวงศึกษาธิการคือประกาศนียบัตร DELF หรือ DALF ประกาศนียบัตรของ มหาวิทยาลัย รวมทั้งประกาศนียบัตรของหอการค้าและสภาอุตสาหกรรม
แห่งปารีส อีกประการหนึ่ง นักเรียนมีโอกาสในการเลือกที่พักในหอพักของ มหาวิทยาลัย หรืออาจจะได้มีโอกาสพักร่วมกับครอบครัวฝรั่งเศส โรงแรม หรืออพาร์ทเมนต์ และยังมีกิจกรรมนอกหลักสูตรที่ศูนย์ต่าง ๆ จัดให้ ซึ่ง
สถานศึกษาแต่ละแห่งมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ เพื่อให้เรียนรู้และคุ้นเคยกับเมืองที่พักอาศัยและยังได้รื่นเริงกับงานประเพณี ศิลปวัฒนธรรม การพักผ่อนหย่อนใจ กีฬา โดยอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือไม่มีแล้วแต่นโยบายของสถานศึกษาแต่ละแห่ง |
 |
 |
 |
ประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสสำหรับนักเรียนต่างชาติ
ประกาศนียบัตร DELF และ DALF |
 |
ประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสขั้นพื้นฐาน DELF : Diplôme dEtudes de Langue Française (Diploma in French Language) |
ประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสขั้นสูง DALF : Diplôme Approfondi de Langue Française (Advanced Diploma in French Language) |
ประกาศนียบัตรทั้ง 2 นี้กำหนดขึ้นโดยกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการวัดระดับความสามารถทางภาษาฝรั่งเศสของนักเรียน DELF เป็นการทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาฝรั่งเศสในชีวิตประจำวัน DALF เป็นการทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาระดับสูงและเฉพาะด้าน เปรียบเหมือนกับการสอบ TOEFL ของภาษาอังกฤษ การสอบประกาศนียบัตรเหล่านี้ไม่ได้บังคับจำนวนชั่วโมงเรียน แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเรียนภาษาฝรั่งเศสมาก่อนเลยจะสอบผ่าน DALF ได้ จะต้องเรียนประมาณ 1,000 ชม. ถือว่าเป็นระดับความสามารถทางภาษาฝรั่งเศสตามมาตรฐานในระดับที่นักศึกษาต่างชาติที่ไปเรียนต่อในฝรั่งเศสจำเป็นต้องมีเพื่อให้สามารถศึกษาต่อได้อย่างไม่มีปัญหา ด้วยเหตุนี้ นักเรียนที่ได้รับประกาศนียบัตร DALF แล้วจึงไม่ต้องสอบภาษาอีกในการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาระดับอุดมศึกษา (ตามมาตรา 88 1145 กฎหมาย
ลงวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1988) |
นักเรียนสามารถเรียนเพื่อเตรียมตัวและสมัครสอบ DELF และ DALF ได้ที่สมาคมฝรั่งเศส กรุงเทพฯ |
 |
ประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสของมหาวิทยาลัย |
 |
ประกาศนียบัตรเหล่านี้รับรองโดยมหาวิทยาลัยฝรั่งเศส และศูนย์วัฒนธรรมฝรั่งเศสในต่างประเทศ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ |
1. CPLF : Certificat Pratique de Langue Française (Practice Certificate in French Language) เป็นประกาศนียบัตรที่รับรองความรู้
เบื้องต้นด้านภาษาและวัฒนธรรมฝรั่งเศสทั่วไปและด้านพาณิชยการ ใช้เวลาเตรียมการสอบประมาณ 6 เดือน |
2. DEF : Diplôme dEtudes Française (French Studies Diploma) เป็นประกาศนียบัตรระดับที่ 2 ที่ไม่จำเป็นต้องผ่านประกาศนียบัตรอย่างอื่น มาก่อน มีสาขาต่าง ๆ 7 สาขา คือ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ศิลป์ เศรษฐศาสตร์ ประชากรศึกษา ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ กฎหมายและการเมือง ซึ่งเป็นการแนะนำวิธีการและเทคนิคในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของฝรั่งเศส
ได้เป็นอย่างดี |
3. DSEF : Diplôme Supérieur dEtudes Française (Higher French Studies Diploma) เป็นประกาศนียบัตรเพื่อเตรียมความพร้อมในด้านเทคนิคและวิธีการทำงาน วิธีการเรียน ที่นักศึกษาในฝรั่งเศสจำเป็นต้องรู้ เมื่อจะเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษา เช่น วิธีการย่อความ การบรรยาย การแปล การเขียน การวิเคราะห์ เป็นต้น ประกาศนียบัตรดังกล่าว จำเป็นต้องผ่านการสอบจนได้รับประกาศนียบัตรระดับที่ 2 มาก่อนจึงจะสามารถเข้าสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรขั้นสูงได้ |
 |
ประกาศนียบัตรของหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมแห่งปารีส CCIP |
 |
หอการค้าและสภาอุตสาหกรรมแห่งปารีสจัดสอบภาษาฝรั่งเศสทางธุรกิจและวิชาชีพมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1969 ซึ่งการกำหนดมาตรฐานเป็นไปตามความต้องการของภาคธุรกิจ โรงเรียนบริหารและการพาณิชย์ของฝรั่งเศส
กำหนดเงื่อนไขในการรับสมัครนี้สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ไม่ได้ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาแม่ |
หอการค้าและสภาอุตสาหกรรมแห่งปารีส Chambre de Commerce et dIndustrie de Paris (Paris Chamber of Commerce and Industry) เป็นมาตรฐานการรับรองประกาศนียบัตรดังต่อไปนี้ |
ภาษาฝรั่งเศสสำหรับธุรกิจ |
Diplôme supérieur de français des affaires : ประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสขั้นสูงสาขาธุรกิจ |
Certificat de français du secrétariat : ประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสด้านเลขานุการ |
Certificat de français du tourisme et de lhôtellerie :
ประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว |
 |
 |
 |
ควรจะเลือกเรียนที่ไหนและอย่างไรดี |
 |
ในปารีสหรือต่างจังหวัด |
เนื่องจากประเทศฝรั่งเศสมีศูนย์ภาษาเป็นจำนวนมาก การเลือกเข้าไปเรียนจึงขึ้นอยู่กับความพอใจทางด้านสถานที่ สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อมของแต่ละแห่งมากกว่า นักเรียนไทยส่วนใหญ่นิยมเลือกเรียนในปารีส การเลือกเรียนในต่างจังหวัดก็ไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก เพราะมีมาตรฐานทางการศึกษาเท่าเทียมกันแต่มีค่าครองชีพที่ต่ำกว่ามาก นอกจากนี้ คนต่างจังหวัดมักมีความเป็นมิตร และโอบอ้อมอารีมากกว่าชาวเมืองหลวง ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสังคมเมืองกับสังคมชนบท จึงทำให้นักเรียนที่ถึงแม้จะไม่ได้พักอาศัยร่วมกับครอบครัวฝรั่งเศสมักจะมีความสัมพันธ์อันดี และสนิทสนมกับชาวฝรั่งเศสทั่ว ๆ ไปมากกว่านักเรียนในปารีส อีกประการหนึ่ง ชีวิตในชนบทฝรั่งเศสจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิตประจำวันที่ไม่แตกต่างจากในเมือง
มากนัก |
การเลือกเรียนภาษาในต่างจังหวัด ยังมีข้อดีที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การมีโอกาสได้พักอยู่กับครอบครัวชาวฝรั่งเศสมากกว่า ซึ่งการที่นักเรียนได้พักอาศัยร่วมกับครอบครัวฝรั่งเศสนี้เป็นสิ่งที่ดีและเหมาะกับคนที่ต้องการไปเรียนภาษาระยะสั้นและต้องการฝึกความคุ้นเคย และปรับตัวให้เข้ากับสังคมฝรั่งเศสที่อาจเป็นปัญหาอยู่บ้างสำหรับนักเรียนไทย แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันมากกว่าปัญหาทางวัฒนธรรมจริง ๆ เช่น การอาบน้ำทุกวัน วันละหลาย ๆ ครั้ง การเปลี่ยนเสื้อผ้าและการซักผ้าบ่อย ๆ การช่วยงานบ้านเพื่อมีส่วนร่วม และมีความรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว มิใช่ไปอยู่โดยไม่ทำอะไรเลยเหมือนกับอยู่ในโรงแรม ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติในวัฒนธรรมฝรั่งเศสเป็นต้น กล่าวโดยสรุปแล้ว สำหรับนักเรียนที่ต้องการไปเรียนภาษาฝรั่งเศสระยะสั้น (ไม่เกิน 3 เดือน) การได้ไปพักกับครอบครัวฝรั่งเศสเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเรียนภาษาเพราะจะได้เรียนรู้วิถีการดำเนินชีวิตและวัฒนธรรมฝรั่งเศสไปพร้อมกัน นับเป็นประสบการณ์ชีวิตที่น่าสนใจ |
 |
เลือกเรียนในศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัยหรือของเอกชน |
 |
ข้อพิจารณาที่สำคัญในการเลือกเรียนในศูนย์ภาษาประเภทใดนั้น คือ ระยะเวลาที่จะเรียน และจุดมุ่งหมายในการเรียน |
 |
ศูนย์ภาษาเอกชน |
สถาบันเอกชนมีการอำนวยความสะดวกอย่างดี เหมาะสำหรับนักศึกษาที่ต้องการเรียนระยะสั้นตั้งแต่ 2 สัปดาห์ถึง 6 เดือน การช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในทุกด้าน และการที่ศูนย์ภาษาเอกชนเป็นหน่วยงานขนาดเล็ก
ทำให้ไม่ต้องเสียเวลากับปัญหาด้านธุรการทั่วไป เช่น ที่พักอาศัย อาหาร การหาข้อมูลต่าง ๆ แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างจะสูงกว่ามาก |
 |
ศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย |
ศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย จะรับนักศึกษาเป็นภาคการศึกษาปกติ
(ต.ค.- ม.ค. และ ก.พ.- มิ.ย.) หรือภาคฤดูร้อน (ก.ค.- ก.ย.) ประสิทธิภาพในด้านการเรียนการสอนของหลักสูตรเป็นที่ยอมรับ แต่ในด้านธุรการของนักเรียนจะไม่สะดวกเท่ากับสถาบันเอกชน นักเรียนต่างชาติจะอยู่ในสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยและใช้ชีวิตประจำวันเช่นเดียวกันกับนักศึกษาฝรั่งเศส โดย
ไม่มีบริการพิเศษให้ ซึ่งจะทำให้นักเรียนต่างชาติต้องใช้เวลาปรับตัวในตอนต้นของการเรียนอยู่บ้าง จึงไม่เหมาะกับนักเรียนที่ต้องการเรียนภาษาระยะสั้น แต่เหมาะกับนักเรียนที่ต้องการเรียนภาษาฝรั่งเศสในระยะยาว (ประมาณ 1 ปี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนที่เรียนภาษาเพื่อเตรียมตัวเข้าศึกษาต่อในสถาบันระดับอุดมศึกษาของฝรั่งเศส |
ข้อดีของการเรียนภาษาฝรั่งเศสในมหาวิทยาลัย คือ การมีโอกาสได้พบกับนักศึกษาฝรั่งเศสตลอดเวลา เพื่อการฝึกภาษา และได้รับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวเป็นนักศึกษาต่อไป นอกจากนั้น ยังสามารถเข้าไปฟังบรรยายวิชาที่จะลงทะเบียนศึกษาในภาคเรียนต่อไปได้ และยังเป็นโอกาสที่ดีในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ แบบนักศึกษา เพราะเมื่อถึงเวลาเข้าศึกษาแล้วจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลากับการปรับตัวอีก ซึ่งจะทำให้สามารถใช้เวลากับการเรียนได้อย่างเต็มที่ |
 |
ควรเรียนภาษาในเมืองไทยก่อนหรือรอไปเรียนที่ประเทศฝรั่งเศส |
 |
หากคุณไม่มีพื้นความรู้ภาษาฝรั่งเศสมาก่อนเลย การไปเริ่มต้นใหม่
ทั้งหมดในฝรั่งเศส ก็ไม่มีผลเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะจะมีระบบการเรียนการสอนทุกระดับ เริ่มตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน และการที่ไปเรียนที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นการบังคับให้ต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสในชีวิตประจำวันตลอดเวลา จึงทำให้มีการพัฒนาการเรียนรู้ทางภาษาได้อย่างรวดเร็ว แต่หากคุณมีการเตรียมตัวเรียนภาษาฝรั่งเศสในเมืองไทยไปก่อนก็จะเป็นการดี เพราะแม้ว่าจะไม่ได้พัฒนาในด้านการพูดมากนัก แต่จะได้ความรู้ด้านพื้นฐานทางทฤษฎีและไวยากรณ์ไปก่อน การเรียนในประเทศไทยหรือในฝรั่งเศสไม่แตกต่างกันมากนัก แต่จะช่วยประหยัดเวลาและงบประมาณในการเรียนเพราะค่าครองชีพในฝรั่งเศสสูงกว่าเมืองไทยมาก |
อีกประการหนึ่ง นักศึกษาไทยส่วนมาก เมื่อคิดถึงการที่จะไปเรียนต่อในฝรั่งเศส มักจะเห็นว่าปัญหาใหญ่คือภาษาที่ต้องไปเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเลย เมื่อเปรียบเทียบกับการไปเรียนต่อในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษซึ่งเคยเรียนมาก่อนในเมืองไทย นักศึกษาไทยส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกไปศึกษาต่อในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ เพราะคิดว่าอย่างน้อยตนเองก็มีพื้นฐานเดิมอยู่บ้างแล้วโดยเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาหรือก่อนหน้านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถึงแม้คุณจะไปเรียนในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ และสอบผ่าน TOEFL ตามระดับที่สถานศึกษากำหนดแล้วก็ตาม แต่เมื่อไปถึงต่างประเทศแล้ว นักศึกษาไทยส่วนใหญ่จะพบว่าระดับพื้นความรู้ภาษาอังกฤษของตนเองยังอยู่ต่ำกว่าระดับขั้นการใช้งานอยู่มาก ทั้งในด้านการสื่อสารในชีวิตประจำวันและการใช้ภาษาในห้องเรียน ต้องเสียเวลาเรียนภาษาอังกฤษใหม่ในต่างประเทศเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปี 6 เดือน จึงจะพัฒนาความสามารถทางภาษาจนถึงขั้นมีประสิทธิภาพได้ นักศึกษาจำนวนไม่น้อยต้องลงทะเบียนเรียนภาษาอังกฤษในต่างประเทศ ควบคู่กับการศึกษาต่อทางด้านวิชาการไปด้วย ซึ่งก็ไม่แตกต่างกับการเลือกไปเรียนในฝรั่งเศสที่จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ แต่จะเป็นการเริ่มต้นตามขั้นตอน อย่างเป็นระบบ มีหลักสูตรที่สามารถเรียนอย่างจริงจังและสามารถพัฒนาความรู้ภาษาฝรั่งเศสจนถึงขั้นใช้งานได้ ทั้งในชีวิตประจำวันและในห้องเรียนได้ภายในเวลาเพียง 9 เดือน ซึ่งจะทำให้คุณมี
ความรู้ด้านภาษาฝรั่งเศสอย่างเพียงพอที่จะศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาฝรั่งเศสต่อไปได้ อีกประการหนึ่ง การเรียนภาษาอังกฤษอย่างผิด ๆ ถูก ๆ ใน
เมืองไทยติดต่อกันเป็นเวลานานหลาย ๆ ปี อาจจะเป็นการยากที่จะแก้ไขสิ่งผิด ๆ ที่ทำจนคุ้นเคยจนเป็นนิสัยติดตัวไปเสียแล้ว การไปเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเลยในอีกภาษาหนึ่งอาจจะง่ายกว่า |
อย่าลืมว่าภาษาเป็นเพียงสื่อที่จะถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดเท่านั้น สำหรับนักศึกษาที่ไปเรียนต่อต่างประเทศสิ่งสำคัญที่สุดคือ วิทยาการ ความรู้ และเทคโนโลยีที่ได้รับการถ่ายทอดมา สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่า ภาษา เพราะว่าเมื่อกลับมาเมืองไทยแล้ว ภาษาต่างประเทศอาจจะมีโอกาสได้ใช้อยู่บ้างในการประกอบอาชีพ แต่ก็น้อยกว่าภาษาแม่ของคุณเองอย่างแน่นอน ความรู้ความชำนาญ และประสบการณ์ที่ได้รับต่างหากที่จะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใช้ในชีวิตของคุณต่อไป |
 |
 |
 |
เลือกเรียนหลักสูตรปกติหรือหลักสูตรเร่งรัดดีกว่า |
 |
สำหรับนักเรียนที่ไปเรียนภาษาฝรั่งเศสระยะสั้น (ประมาณ 1 เดือน) ถ้ามีจุดประสงค์เพื่อการฝึกฝนภาษาฝรั่งเศสอย่างจริงจัง ควรเลือกหลักสูตรเร่งรัด (Cours intensifs) ซึ่งจะมีชั่วโมงเรียนทุกวัน ๆ ละ 4 - 5 ชั่วโมง แต่ถ้าการเรียนภาษาไม่ได้เป็นเพียงจุดประสงค์เดียวก็ควรจะเลือกหลักสูตรปกติ (Cours extensifs) ซึ่งจะมีเวลาว่างสำหรับการไปทำกิจกรรมอย่างอื่นมากกว่า นักศึกษาที่ไปเรียนภาษาในระยะยาวและมีจุดประสงค์ในการศึกษาต่อในฝรั่งเศส ควรเรียนหลักสูตรเร่งรัดตลอดระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อสร้างพื้นความรู้ด้านภาษาฝรั่งเศสที่ดีพอสำหรับการใช้ชีวิตนักศึกษาในระบบอุดมศึกษาฝรั่งเศส ที่เน้นการเรียนนอกห้องเรียนอย่างมากหรืออย่างน้อยที่สุดก็ควรจะเริ่มต้นเรียนภาษาด้วยหลักสูตรเร่งรัด (ประมาณ 3 - 6 เดือนแรก) ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเริ่มด้วยหลักสูตรปกติ เพราะจะไม่มีการสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับการเรียนต่อไป และหากคุณตัดสินใจที่จะเตรียมตัวเรียนภาษาฝรั่งเศสในเมืองไทยไปก่อน ขอแนะนำให้เลือกหลักสูตรเร่งรัด ไม่น้อยกว่า 6 เดือน เพราะจะสร้างพื้นฐานที่ดีพอสำหรับการไปพัฒนาในฝรั่งเศสต่อไป และค่าเรียนในเมืองไทยถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับในฝรั่งเศส |
 |
ควรสอบถามศูนย์ภาษาเรื่องอะไรบ้าง |
 |
เมื่อเลือกศูนย์ภาษาได้แล้ว และต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรสอบถามรายละเอียด เช่น |
 จำนวนนักเรียนต่อห้อง จำนวนโดยเฉลี่ย จำนวนมากที่สุด เรียน
กี่ครั้งต่อสัปดาห์ |
 ศูนย์ภาษามีห้องแลปภาษาหรือไม่ มีเครื่องเล่นวีดีโอ เครื่องบันทึกเทป และศูนย์คอมพิวเตอร์หรือไม่ |
 สามารถเข้าฟังบรรยายในมหาวิทยาลัยโดยไม่ต้องลงทะเบียนได้หรือไม่ |
 ศูนย์จัดให้สอบเพื่อรับประกาศนียบัตรอะไรได้บ้าง |
 ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหรือไม่ มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก อาหาร ที่พักสำหรับครอบครัว อะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายเท่าไร |
 ศูนย์ภาษาคัดเลือกและตรวจสอบครอบครัวฝรั่งเศสที่จัดให้นักเรียนไปพักอาศัยร่วมอยู่ด้วยหรือไม่ (กรณีเลือกพักอาศัยร่วมกับครอบครัวฝรั่งเศส) |
 ที่ตั้งศูนย์ภาษาอยู่ในตัวเมืองหรือนอกเมือง |
 อาคารของศูนย์เป็นอย่างไร ใหม่หรือเก่า |
 มีนักศึกษาฝรั่งเศสอยู่ด้วยหรือไม่ |
 ศูนย์ฯ มีบริการกิจกรรมสันทนาการให้ หรือเพียงแค่ให้ข้อมูลแก่
นักเรียนเท่านั้น |
 มีคนมารับที่สนามบินหรือสถานีรถไฟหรือไม่ |
 มีสถานที่รับประทานอาหารกลางวันหรือไม่ ราคาแพงไหม |
 ออกบัตรนักศึกษาให้หรือไม่ ค่าใช้จ่ายเท่าไร |
 ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องกลับประเทศไทยก่อน หรือยกเลิกการสมัครเข้าเรียนจะได้เงินมัดจำคืนหรือไม่หรือถูกยึดมัดจำ |
 ถ้าเจ็บป่วยจะทำอย่างไร |
 ติดต่อศูนย์ภาษาอย่างไรดี หาข้อมูลรายละเอียดและคำแนะนำได้ที่ไหน |
สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์ภาษาทั่วไปได้จากสถานทูตฝรั่งเศสฝ่ายวัฒนธรรม ซึ่งมีการจัดรวบรวมข้อมูลเป็นรูปเล่ม และได้มีการปรับปรุงทุกปี โดยแผนกนโยบายทางภาษาและการศึกษาของกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส รวบรวมข้อมูลของศูนย์ภาษาต่าง ๆ อย่างละเอียด เช่น สถานที่ตั้ง หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร ตารางเวลาของหลักสูตรต่าง ๆ จำนวนนักศึกษาที่สามารถรับได้ จำนวนนักศึกษาต่อห้อง จำนวนชั่วโมงเรียนต่อสัปดาห์ อัตราค่า
เล่าเรียน วิธีการสอน และประกาศนียบัตรที่มอบให้ รวมทั้งกิจกรรมทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ที่แต่ละศูนย์จัดไว้ให้กับนักศึกษา |
กลุ่มองค์กรเอกชนที่สอนภาษาฝรั่งเศสสำหรับชาวต่างประเทศ SOUFFLE (รวมศูนย์ภาษาทั้งของเอกชน หรือของมหาวิทยาลัย 20 แห่ง ทั่วประเทศ) |
BP 133 La Garde 83 957 |
Tel. 33 (0) 4 94 21 20 92 |
Fax. 33 (0) 4 94 21 20 17 |
courrier@souffle.asso.fr |
www.souffle.asso.fr |
 |
ADCUEFE (รวมศูนย์ภาษาเฉพาะของมหาวิทยาลัย 25 แห่ง ทั่วประเทศ) |
Université de Lyon |
69000 LYON |
www.fle-universite.com |
|